คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์

ความหมายของคอมพิวเตอร์

.....เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยชุดคำสั่ง



สามารถเชื่อมต่อกันเป็นเครือ



ข่ายได้หลายแบบ

ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์

.....1.มีความเร็วในการทำงานสูง

.....2.สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

.....3.มีความถูกต้องแม่นยำตามโปรแกรมที่สั่งงานและข้อมูลที่ใช้

.....4.เก็บข้อมูลได้มาก

.....5.สามารถโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว

ประวัติของคอมพิวเตอร์

.....เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกเริ่มจากการคิดค้นของชาวจีนในช่วงปี พ.ศ. 500 มี

การประดิษฐ์ลูกคิด จึงถือได้ว่าเครื่องคิดเลขนี้เป็นต้นกำเนิดของเครื่องคิดเลขในยุคต่อมาในปี

พ.ศ. 2185 แบลส์ พาสคัล นักวิทยาศาสตร์และปรัชญาชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่องคิดเลขขึ้น

มาใช้งาน สามารถใช้บวกและลบค่าตัวเลขได้อย่างถูกต้อง ปี พ.ศ. 2376 ชาร์ล แบบเบจ ได้

สร้างเครื่องคำนวณที่ทำงานโดยอาศัยโปรแกรมเป็นเครื่องแรกของโลกเราให้เกียรติยกย่องว่า

เขาเป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์ ปี พ.ศ. 2489 คณะนักวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกาทีมงานหนึ่ง

ได้พัฒนาและสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลกมีชื่อเรียกว่า อินิ

เล็ก(ENIAC) มีความสามารถคำนวณสมการที่สลับซับซ้อนได้รวกเร็วและถูกต้อง ต่อจากนั้น

เครื่องคอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีมากขึ้น

ส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์

.....ได้แก่ ตัวเครื่อง จอภาพ คีย์บอร์ด และเมาท์

ระบบคอมพิวเตอร์

.....คือ กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใด ๆ กับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช้มากที่สุด

องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

.....ประกอบไปด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วนดังนี้

1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่วนเครื่อง

2.ซอฟแวร์ (Solftware) หรือส่วนชุดคำสั่ง

3.ข้อมูล (Data)

4.บุคลากร (People)

ฮาร์ดแวร์ (Hardware)

ฮาร์ดแวร์ คือ ตัวเครื่องและอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ที่เราสามารถสัมผัสและจับต้องได้ ฮาร์ดแวร์จะประกอบ



ไปด้วยส่วนที่สำคัญ 4 ส่วน คือ

1.ส่วนประมวลผล (Processor)

2.ส่วนความจำ (Memory)

3.อุปกรณ์รับเข้าและส่งออก (Input-Output Devices)

4.อุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูล (Storage Device)

.....หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือเรียกคำย่อว่า ซีพียู (CPU) ที่ทำหน้าที่


เหมือนส่วนสมองของระบบคอมพิวเตอร์

หน่วยความจำแบบแรม (RAM = Random Access Mimory)

แตกต่างจากหน่วยความจำแบบรอม (ROM = Read Only

Memory) อย่างไร

.....หน่วยความจำแบบแรม (RAM = Random Access Mimory) เป็นหน่วยความจำที่ต้องอาศัย

กระแสไฟฟ้าเพื่อรักษาข้อมูล ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ชั่วคราวขณะทำงาน จะอยู่ได้นานจนกว่าจะ


ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่มมีกระแสไฟฟ้าป้อนส่งให้กัลป์เครื่อง เมื่อปิดเครื่องหรือไฟฟฟ้า


ดับข้อมูลที่ถูกเก็บไว้จะถูกลบหายไปเราเรียกว่าหน่วยความจำประเภทนี้ว่า หน่วยความจำแบบ


ลบเลือนได้

.....หน่วยความจำแบบรอม (ROM = Read Only Memory) เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในการเก็บ


โปรแกรมหรือข้อมุลพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อมูลที่ถาวรไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่ป้อนให้


กับวงจร ไม่สามารถเขียนจข้อมูลลงไปเก็บไว้ได้โดยง่ายต้องใช้เทคนิคพิเศษช่วยเราเรียก


หน่วยความจำประเภทนี้ว่า หน่วยความจำแบบไม่ลบเลือน

 จอภาพ

.....ทำหน้าที่ประมวลผลจากเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแสดงผลได้ทั้งตัวหนังสือ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว

แผงแป้นอักขระ

.....ทำหน้าที่รับเข้าข้อมูลจากการกดแป้นพิมพ์เพื่อส่งต่อไปให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์

เมาส์

.....ทำหน้าที่ในการควบคุมตัวชี้ให้สามารถเลื่อนไปสู่ตำแหน่งต่าง ๆ ที่ต้องการได้โดยง่าย